วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Zee Avi "Just you and me" เนื้อเพลง + แปล

ครึ้มอกครึ้มใจ เลือกเพลงนี้มาฟัง แปลเล่นดีกว่า

You were sitting at the coffee table
where you're reading Kierkegaard
Minutes later, you proceeded to say
something that almost broke my heart

จู่ๆเธอก็พูดมันขึ้นมา
ขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
ทำเอาฉันหัวใจเกือบวาย


You said, "Darling, I am tired of livin' my routined life.
There's so much in the world that i'd like
to soak up with my eyes."

เธอบอกว่า เธอเบื่อแล้ว ที่จะต้องใช้ชีวิตในแบบเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยังมีอะไรมากมายในโลกใบนี้ที่เธออยากจะเห็นมันด้วยตาของเธอเอง

Well, baby i never did stop you from going out to explore
We can do it all together from the colds of the poles
to the tropics of Borneo

แหม! เราก็ไม่เคยห้ามเธอไม่ให้ไปเลยนะ
เราไปด้วยกันก็ได้ ขั้วโลกเหนือจรดขั้วโลกใต้
แล้ววนกลับมาที่บอร์เนียว

Ba da da ba da...

Let's pack our bags
and lie on the easy stream
feel the water on our backs
where we can carry on dreamin'

จัดกระเป๋ากันเถอะ
ไปนอนแช่ลำธารไหลเอื่อยๆ
สัมผัสน้ำที่แผ่นหลัง
ที่แบกความฝันของเราไปเรื่อยๆ

where we can finally
be where we'd like to be
Darlin', just you and me

Just you and me...

ที่ๆเราอยากจะอยู่
แค่เรา2 คนเท่านั้น

แค่เรา2คน

So Darlin', what do you say?
Does that sound like a plan to you?
We can build our own little world
where no one else can come through

ว่าไงจ๊ะที่รัก
ฟังดูเข้าท่ารึเปล่า
เราสร้างโลกเล็กๆของเรา
ที่ๆไม่มีใครจะผ่านเข้ามาได้

We can live in huts made out of grass
we can greet father time as he walks pass
we can press our feet into the dirt
a little mud, no, it wouldn't hurt

เราทำบ้านจากหญ้าก็ได้
บ๊ายบายให้คุณพ่อเวลาที่เขาเดินผ่านมา
เราปั๊มรอยเท้าเราไว้กับดินได้
เป็นโคลนน่ะ ไม่เจ็บหรอก


Ba da da ba da ba...

Let's pack our bags
and lie on the easy stream
feel the water on our backs
where we can carry on dreamin'

จัดกระเป๋ากันเถอะ
ไปนอนเล่นในลำธารที่ไหลเอื่อยๆ
สัมผัสน้ำที่หลัง
ที่จะแบกความฝันของเราไปเรื่อยๆ

where we can finally
be where we'd like to be
Darlin', just you and me

Just you and me..

ที่ๆเราจะอยู่ด้วยกัน
ในที่ๆเราอยากอยู่
ที่รัก แค่ เรา2คน

แค่เรา2คน

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

โสดยาวนานเป็นประวัติการณ์

โสดมาได้เกือบ 7 เดือนแล้วสินะ ยาวนานเป็นประวัการณ์เลย
นับตั้งแต่ มีแฟนคนแรกเป็นต้นมา

ถามว่า ไม่มีใครมาจีบเลยเหรอ ก็มีนะ แต่ มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย
ไม่ว่าเราจะคุยกับใครซักกี่คน ก็ไม่สามารถทำให้เราหายเหงาได้เลย

ถามเพื่อนผู้ชายคนนึง ว่าอาการนี้ เรียกว่าอาการเจ้าชู้ได้มั๊ย
สิ่งที่มันบอก ทำเอาเรากึ่งช็อก มันบอกว่า อาการนี้ คือ อาการ "อยากมีแฟน"

กึ๋ย

ไม่ใช่แล้วมั๊งฮะ เราเนี้ยนะ อยากมีแฟน ชีวิตโสดของเราสงบจะตาย
เพียงแต่ว่า ในบางวัน ที่ไม่สงบเพราะแฟนเก่ามารังควาณเท่านั้นเอง
นอกนั้น ชีวิตอันน่าเบื่อของเราก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นแล้ว

เห้ย

หรือว่าเป็นเพราะชีวิตเรา มันขาดสีสันมากเกินไปวะ
นี่ก็ครบรอบ1 ปี ของการทำบล็อกนี้แล้วนะเนี้ย
เพิ่งเขียนไปครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่5 เอง
หาสาระไม่ได้ แล้วก็ ไม่สามารถหาทางออกให้ชีวิตได้

คนอื่นๆที่เค้ามาเขียนบล็อกก็คงจะเป็นเหมือนกันใช่มั๊ย
การมาเขียนบ่นพล่ามเรื่องราวชีวิตของตัวเองในบล็อกเนี้ย
ช่วยแต่เรื่องระบายอารมณ์ว่ะ ดีเหมือนกัน ไม่ต้องให้ใครมาอ่าน

อย่างน้อยก็ปลอทภัยกว่า เขียนเป็นเล่มๆไว้ที่บ้านล่ะวะ
โดนแอบอ่านประจำเลย

ไอ้เราคนเบื่อชีวิตตัวเอง ก็เอาแต่พล่าม ว่าเมื่อไหร่ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงไปซะที
ถึงเวลาแล้วสินะ ที่เราจะเข้มแข็ง เอาจริงเอาจังกะชีวิตเราซะที

อยากไปไกลๆ ไกลมากๆ นี่แหละ เป้าหมายของเรา

ปล. ว่าจะคุยเรื่องหัวใจ ไปโผล่เรื่องชีวิตอีกแล้ว เบื่อตัวเองจริงๆ

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2552

เวลาส่วนตัว

เวลาส่วนตัว มีค่ายิ่งกว่าสิ่งไหน ใครจะรู้เรื่องนี้ดีเท่ากู คนที่ ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
กูเรียนจบแล้วก็ทำงานกะที่บ้าน จันทร์ถึงเสาร์ กลางคืนก็ ไม่ได้ไปไหน
พื่อนๆกูก็อยู่ในเมืองกัน มีกูอยู่บ้านนอกคนเดียว
กูจะได้เข้าเมืองวันเดียวคือวันอาทิตย์ ซึ่งร้านปิด แต่ก็ ต้องขับรถรับส่งแม่ หรือ
ไปกินข้าวกะแม่ ช็อปปิ้งกะแม่ อะไรแบบนี้ เพราะแม่กูเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
ชีวิตกูมันจบสิ้นแล้ว จบสิ้นตั้งแต่ที่กูตัดสินใจจะกลับมาทำงานที่บ้าน กิจการของครอบครัว
กูคงต้องจมปลักอยู่ที่นี่ชั่วชีวิต แห้งเหี่ยวตายในบ้านนี้แหละ
ชีวิตกูไม่ได้เจอใครเลย จริงๆ วันๆถ้าไม่ใช่เรื่องงาน กูแทบไม่ได้พูดกะใครอ่า
นอกจากโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต เป็นทางเชื่อมกูกับโลกภายนอก

วันนี้กูคุยกะแม่กูอ่า เรื่องที่ว่า จริงๆแล้ว กูไม่มีวันหยุดเลย
แม่กูบอกว่า วันๆ กูก็ไม่ได้ทำงานอยู่แล้วนี่ เอาวันหยุดไปทำไม
จริงๆ กูทำงาน สิ่งที่ด้รับมอบหมายมา เสร็จหมดทุกอย่างแล้ว กูจะทำไรก็เรื่องของกูดิใช่ปะ
แค่เห็นกูเช็คเมลล์ แม่ก็โมโหมากมายแล้ว กูเป็นนักโทษชัดๆเลย
สิ่งที่กูขอกะแม่วันนี้ ก็แค่ วันหยุด เดือนละ3วันเอง เดือนละ3วันอ่า ไม่มากมายเลยนะ เทียบกับพี่กู
ที่เข้าเมืองวันศุกร์ แล้วกลับมาอีกที วันจันทร์ตอนเย็น สรุปคือ มันทำงานแค่3วันเอง
มันมีเวลาไปเจอเพื่อนฝูง เจอแฟน ไรแบบนี้

พูดถึงแฟน --- ตอนนี้ไม่ได้คุยกันมาเดือนนึงแระ จู่ๆก็ หายไป แม่ง ตลอดเลย รำคาณ เหี้ยเอ๊ย
แต่ ก็ดี ตอนนี้ กูเริ่มมีคบๆกะคนใหม่แระ ไม่รู้จะไปกันโอเคมั๊ย
คนนี้ อาจเป็นคนที่พากูหนีไป ให้ไกลจากที่นี่ก็ได้
บ้านแสนสุขเหี้ยเอ๊ย นี่ใช่มั๊ย เหตุผลในการแต่งงานกะสามีในอนาคตของกู
แค่หลีกหนีจากโลกที่น่าเบื่อ

พูดเรื่องดีบ้าง น้องแมวกูคลอดไปแระ 3ตัว กำลังน่ารักเลย
แค่นี้แหละ เรื่องดีในชีวิตกู สั้นๆ

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

จิตป่วน

บล็อกนี้ คงจะเป็นบล็อกที่น่าเบื่อที่สุดในโลก ที่แม้แต่ตัวกูก็ ยังไม่อยากเข้ามาอ่าน
อีบ้าที่ไหนไม่รู้ มีเรื่องเข้ามาบ่น ไม่เว้นแต่ละวัน

กูว่ากูเป็นโรคซึมเศร้าว่ะ คงไม่ใช่แค่ตัวกู กูว่าคนทุกคนป่วยหมด
เรามีคนมารายล้อมรอบตัวไปหมด แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ต้องมาออนไลน์เพื่อหาคนคุยด้วย ละเพื่อนออนไลน์ก็นะ
มาๆไป คุยแป๊บๆเดี๋ยวก็หาย

กูเบื่อ เบื่อชีวิตแบบนี้

กูนี่ แม่ง ไม่เคยมีเรื่องดีๆอะไรมาเล่าเลยใช่ปะ

แต่วันนี้กูมี กูเล่าไปยังวะ ว่าแมวกูท้องอ่า มันจะคลอดก็คงกลางๆเดือนกุมภาอ่า
เป็นของขวัญวาเลนไทน์ของกู กูไม่เคยได้ของขวัญวาเลนไทน์มาก่อนเลย

เมื่อปีที่แล้ว กูเปรยๆ กับผู้ชายคนนึงไว้ ว่า กูไม่เคยมีแฟนวันวาเลนไทน์เลยอ่า
เค้าก็บอกว่า เค้าจะมาหากูวาเลนไทน์ กูก็ นึกว่าเค้าพูดเล่น
ปรากฎว่า เค้ามาจริงว่ะ มาเป็นแฟนกูตอนวาเลนไทน์ คบกันเดือนเดียวก็เลิก
ก็เข้ากันไม่ได้แหละ เหตุผลคลาสสิก ก็ ช่างมัน กูก็ อยู่ของกูมาได้เรื่อยๆ
รอแฟนกูกลับมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ บอกกูว่าจะมาๆ ให้กูรอเก้อมา5-6รอบแระ
กูก็ยังรอ เพื่อนกูก็ด่า พากันประนามกู กูก็ ไม่รู้ดิ กูรู้สึกว่า มันน่าจะคุ้มค่ากับการรอนะ

กลับมาเร่าเรื่องแฟนวาเลนไทน์ของกูก่อน มาหากู ก็มาเปล่าๆปรี้ๆ ไม่เอาของขวัญไรมาให้กูเลยยยยย
ตอนนี้กูเลยสามารถพูดได้ว่า กูยังไม่เคยได้ของขวัญวาเลนไทน์เลยอ่า
มีคนอื่นบนโลกที่โชคร้ายเหมือนกูมั๊ยวะ ไม่เคยได้ของขวัญวาเลนไทน์ ช่อดอกไม้ ไม่เคยได้
ช็อกโกแล็ต ตุ๊กตา ไม่มีเลย

สิ่งที่บรรดาแฟนเก่ากูเคยให้ก็มี เสื้อยืด หมวกแก็บ รองเท้าหลายๆคู่ กล้องถ่ายรูปหลายๆอัน กล้องวีดีโอ แรมคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค ให้เงินไปจ่ายหนี้ ส้ม แอ๊บเปิ้ล ขนม กะปิ!!! แล้วกูก็ กำลังจะได้ Wii สำหรับวันเกิดกูปีนี้ ก็ ให้มาเยอะอ่านะ แต่แม่ง ไม่โรแมนติกเลยซักอย่างอ่า

กูไม่เคยอยู่กะแฟนตอนวันเกิดด้วยอ่า บางปีต้องอยู่คนเดียวด้วยซ้ำ โคตรเศร้าเลย ร้องไห้ แม่ง วันเกิดกูนี่มันไม่มีใครสนใจเลย แง้ๆๆๆๆๆๆๆ

เดี๋ยวนี้กูอยู่บ้านพ่อแม่แล้ว เค้าคงจำได้แหละ ปีนี้กูขอไรดีวะ ที่มันน่าจดจำ ปีที่แล้วพ่อกูให้โทรศัพท์มือถือไฮโซ เป็นของขวัญวันเกิด บวก ของขวัญเรียนจบ

กูจะอยากได้ไรดีวะ ไม่นานมานี้แม่กูก็ให้สร้อยทองกูไปแระ ตอนที่ทองมันถูกๆอ่า ได้มาบาทนึง ละก็ ไปค้นตู้เซฟ ให้แหวนกะสร้อยเพชรกูมาด้วย แต่กูก็ยังไม่เอามาใช้อ่า ไม่มีชุดที่มันคู่ควรกะสร้อยเลย อยากได้ไรดีอ่า วันเกิดกูจะถึงแระเนี้ย คิดไม่ตก

กูมันผู้หญิงจิดตก ผู้หญิงจิดป่วน แง้ๆๆๆ

ไปแระดีกว่า พี่กูไปแม่สายเพิ่งกลับมา ซื้อดีวีดี UGLY BETTYมาฝาก ตามคำสั่งซื้อของกรู

ไปแระๆ

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

memory rolls back

เอาไงดี มันเริ่มจากตรงที่เพื่อนกูคนนึงแนะนำให้กูเล่นfacebook
แล้วกูก็เล่น แล้วก็ ค้นหาชื่อคนๆนึง คนที่กูเคยชอบมากเมื่อหลายปีมาแล้วตั้งแต่ประมาณปี45-46

เออ ก็ได้ กูยามรับ ว่าไม่ใช่แค่ชอบมาก กูถึงกับแบบคลั่งไคล้เลยอะ
ตอนนั้นกูไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยน แล้วคนนี้อ่า เป็นเพื่อนร่วมห้องของกู
ไม่ได้หล่อเลยอ่า หน้าตาออกจะตลกๆด้วยซ้ำ แต่บุคลิกที่ขี้เล่นอ่า โดนกูมากเลย
ละก็ ผมทอง ขอดๆแบบคิวปิด ตาสีฟ้าเข้ม ทำกูละลาย

พักครึ่งก่อน กูไปอึ

มาแระ เหม็นปะ

กูตกหลุมรักแหละ ตอนนั้น บ้านกูก็อยู่ซอยเดียวกันด้วยอ่า ก็เลยนะ บางทีที่ได้กลับบ้านพร้อมกัน กูรู้สึกเขินมากเลย มีครั้งนึงที่จักรยานกูเจ๊ง เค้ามาเจอกูกลางทาง กูกำลังจูงจักรยานกลับบ้านพอดี เค้ามาเจอก็อาสาจูงไปที่บ้านกูให้ แล้วก็ ให้กูขี้จักรยานเค้าแทน หัวใจกูแบบ โคตรพองโตอ่า

กูว่าเค้าน่าจะรู้นะ ว่ากูชอบเค้าอ่า หรือไม่รู้วะ กูก็ไม่แน่ใจ กูเปิดเผยไปประมาณ25เปอร์เซนต์ได้... อย่าเพิ่งมองกูแบบนั้น ก็กูเพิ่ง17 เองอ่าตอนนั้น มาจากโรงเรียนหญิงล้วนด้วยอ่า ก็เลยไม่ประสีประสาอ่าดิ แต่กูก็ไม่ได้บอกเค้าว่า เฮ้ย ชอบนะ ไรแบบนี้ แต่ก็ ด้วยการกระทำของกู เค้าน่าจะรู้อ่า ละเค้าเองก็ ทำดีกะกูมากกว่าคนอื่นนะ กูรู้สึก กูไม่รู้หรอก ว่า เค้าจะชอบกูรึเปล่า เพราะเค้าไม่ได้บอก

เรื่องของเรื่องก็คือ พอกูเจอโปรไฟล์เค้าอยู่ในนั้น กูก็เลยขอแอดอ่า นานมากกกกกกกกก เป็นเดือนๆอ่า กว่าเค้าจะรับแอด กูนึกว่า เค้าไม่อยากคุยกะกู หรือลืมกูไปแล้วซะอีก แต่พอเค้ารับแอด กูเข้าไปดูโปรไฟล์เค้าอ่า แบบว่า ... in a relationship กูแอบsadว่ะ แล้วความทรงจำของกูก็ ย้อนกลับไปสมัยนั้น สิ่งที่เราเคยทำด้วยกัน สิ่งที่เราเคยคุยกัน เรื่องน่าอายที่กูทำต่อหน้าเค้า (เรื่องน่าอายที่สุดของกูคือ กูแกล้งทำเป็นเมาในงานปาร์ตี้อ่า... ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากูทำทำไม) ความทรงจำสีชมพู

กูไม่กล้าทักไปอ่า ไม่รู้ว่าเค้าจะว่ายังไง ไม่รู้ว่าจะทักว่าอะไร หรือเค้าจะลืมกูแล้ววะ นานมากแล้ว แต่กูจำเค้าได้ตลอดนะ ไม่ว่ากูจะคบกับใครไปหลายคนแล้วก็ตาม ความทรงจำอันนี้จะเป็นความทรงจำที่สวยที่สุด หวานที่สุดของกูเลย

แล้วเราควรทักเค้าในfacebookมั๊ย

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Happy New Year 2009 To me

ปีใหม่แล้ว เมื่อเย็นไปกินเลี้ยงที่บ้านยายมา ก็ดีอ่า แต่มีคนเมาเยอะอ่าเซ็งนิดหน่อย
ทำไมต้องกินเหล้าแบบ ไม่ดูตัวเองเลย
เกือบ5ทุ่มก็ กลับบ้านอ่า เข้าสู่วงจรชีวิตแบบเดิม
ให้อาหารแมว เข้าห้อง เปิดคอม คุยเอ็ม
ละก็ คุยกะคนๆนั้นอีกแล้ว ทั้งที่สัญญากะตัวเองว่าจะบล็อกมัน
แถมยังบอกให้มันโทรหาอีกตะหาก แต่มันก็ไม่โทร
แม่ง ขนาดกูหน้าด้านบอกให้โทรมา มันยังไม่โทรเลย

กลับมามองแฟนที่แสนดีของกู บอกว่าจะส่งของมาให้กูแล้ว รองเท้าแบบที่กูขอไว้2คู่
แถม นาลิกาเรือนนึง ละก็ อีกอย่างนึงไม่ยอบบอกว่าเป็นอะไร
บอกแต่ว่า เป็นของที่ผู้หญิงทุกคนอยากให้คนรักซื้อให้... อะไรเอ่ย
กูอยากให้เป็นตั๋วเครื่องบินว่ะ กูเบื่อประเทศไทยเต็มทนแระ
แฟนที่แสนดีของกู บอกจะกลับไทย เดือนกุมภา กูว่าไม่ได้มาแน่เลยว่ะ
ก็ ผิดนัดตามฟอร์ม คราวนี้เอาไงดีวะ กูแม่งโคตรเบื่อกับการรอคอยเลยว่ะ

เอาไงดี เอาไงดี

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เปิดตัวบล็อกแห่งความเซ็ง

บล็อกนี้ เปิดเพื่อใช้เป็นถังขยะของชีวิต ความไม่สบายใจ เบื่อ ท้อแท้ เหงา เศร้า เซ็ง เราจะเอามาทิ้งที่นี่ให้หมด เป็นที่ระบาย เป็นเพื่อนที่จะเข้าใจเรามากที่สุด (หวังว่าอย่างงั้นนะ)



เพราะเราเป็นคนจำพวกที่ชอบขี้ลืม เจ็บแล้วไม่เคยจำ จำเป็นต้องจดไว้เพื่อเป็นบทเรียน



ด้วยว่าเราเป็นคนที่ดูจะเข้ากับคนง่าย ตลก ร่าเริงอยู่เสมอ คนเลยมักจะเข้าใจว่า ตัวเราไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร แต่จริงๆ เราเป็นคนที่คิดมาก มากๆเลยล่ะ

เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณเดือนก่อน เราเจอกับผู้ชายคนนึง คุยกันถูกคอมากเลย เค้าเป็นนักดนตรี (เล่นกีต้าร์) คุยกันก็ เรื่องดนตรี เรื่องทั่วๆไปเนี้ยแหละ จนเราเริ่มชอบเค้าขึ้นมา โอ๊ย อธิบายยากจัง เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกเนี้ย เรา ไม่รู้ดิ คือ เค้าก็เป็นคนที่แบบ ลึกลับอยู่แล้วอ่า ชอบเอาเบอร์แม่โทรหาเราอ่า (เบอร์ตัวเองไม่เคยบอกเราเลย) เล่ามาแค่นี้ก็ได้กลิ่นแปลกๆแล้วใช่เปล่า แต่เราก็โง่เชื่ออ่า เพราะเค้าบอกเราว่า เค้าให้เบอร์กับเราไม่ได้ เพราะว่า เค้างานยุ่งมากเลย ไม่มีเวลารับสาย(แม่ง เราก็เสือกเชื่ออ่า) จนมาวันนึงเราบีบจนเค้ารับสารภาพว่า เค้ามีแฟนอยู่แล้ว เลยให้เบอร์เราไม่ได้อ่า เราก็ อืม น้ำตาซึม ทำไมวะ ทำไมต้องมีแฟนด้วยอ่า คนนี้แบบว่า ชอบไปแล้วอ่า(ยังไม่ถึงกะรักอ่า) จริงๆเราก็แบบ แอบคิดไว้บ้างแล้วอ่า เพราะว่า มันแบบ จะลึกลับไปไหนเนี้ย ไรงี้ แต่พอมารู้ความจริง ก็มีน้ำตาซึมบ้าง ละเค้าก็สารภาพว่า เค้ากะแฟนไม่ค่อยได้เจอกันไรงี้ คุยกะเราถูกคอดี ละเค้าก็ชอบเราเหมือนกัน บลาๆๆ จากนั้น เค้าก็โทรหาเราแบบว่า บ่อยขึ้น ชอบโทรหาเราตอนเมาแล้วก็มาบอกรักเราไรงี้ (แม่ง แกล้งเมาเป่าวะ)

ละวันนี้มันก็เอาอีกละ เมาแล้วโทรมา บอกว่า เนี้ย คิดถึงมันมั่งปะ จริงๆเราก็คิดถึงมันแหละ แต่ก็ตอบไปว่า ไม่คิดถึง มันก็โกดเราอ่า ว่าทำไมไม่ตอบตามความจริง เราก็แบบ ไรวะ แล้วจะมาถามทำไม มันก็โกดเราแล้ววางไปเลยอ่า

เรายังชอบมันอยู่นะ แต่รู้สึกแย่มากเลยอ่า ที่เป็นแบบนี้ สามารถคุยกันได้ แต่ไม่สามารถจะครอบครองอ่า ใจนึงเราก็อยากจะบอกว่า ให้มันไม่ต้องโทรมาหาเราอีก อีกใจนึงก็แบบดีใจที่มันโทรมาอ่า (เพราะมันไม่ให้เราโทรไป)

เรารู้ว่า เราบ้ามาก มันแบบตามสะดวกมันเลยอ่า อยากจะมาเจอ โทรคุยกะเรา ได้เสมอ แต่ถ้าเราอยากคุยกะมันก็ทำได้แต่รออย่างเดียวอ่า

รอแค่เศษเสี้ยวเวลา ที่มันอุส่าเจียดให้

แม่ง อยากจะบอก เห็นกูเป็นเมียน้อยมึงรึไง